source : https://www.ryt9.com/s/tpd/3052776
"สนธิรัตน์" ลั่นโรงไฟฟ้าชุมชนเกิดแน่ 250 แห่ง หน่วยงานร่วมเสนอให้ชุมชนถือหุ้น 10-30% ปันผลเงินคืน 25 สตางค์/หน่วย โดย พพ.ดูรายละเอียด 1 เดือนสรุป
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับหน่วยงานภายใต้กระทรวงพลังงาน ภาคเอกชน ชุมชน และผู้ประกอบการถึงแนว ทางการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐาน ราก ว่าตั้งเป้าจะเห็นการเกิดโรงไฟฟ้าชุมชนในระยะแรกที่ 250 แห่ง แต่ไม่ได้กำหนดเมกะ วัตต์ เนื่องจากต้องอยู่ที่ความพร้อมของพื้นที่และเชื้อเพลิง โดยกำหนดว่าจะต้องมาจากวัสดุ เหลือใช้ของภาคเกษตร หรือพืชที่ปลูกขึ้นมาเฉพาะอย่างเช่นหญ้าเนเปียร์และไผ่ ขณะที่ด้านพลังงานแสงอาทิตย์เองก็ยังไม่ได้ปิดกั้น หากบางพื้นที่ไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงอย่างอื่นได้ ก็จะให้ใช้เป็นโซลาร์
ทั้งนี้ จากการระดมความคิดเห็นแบ่งเป็น 3 หัวข้อหลักนอกจากการใช้เชื้อเพลิงแล้วยังมีประเด็นด้านความร่วมมือด้วยโดยรับฟังความคิดเห็นชุมชน ประชาสังคม เอกชนและภาครัฐ ซึ่งกำหนดโควตาไว้เบื้องต้น ว่าชุมชนจะสามารถเข้ามามีส่วน ร่วมหรือถือหุ้นอยู่ที่ 10-30% แล้ว แต่ศักยภาพ และอีกหนึ่งหัวข้อคือการสร้างรายได้ชุมชน ซึ่งจะเป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้น และเน้นย้ำที่การสร้างความเข้ม แข็งให้ชุมชนและพัฒนาเศรษฐ กิจฐานราก รวมถึงไม่ให้กระทบค่าไฟฟ้าส่วนรวม โดยกำหนดไว้เป็นโมเดลที่ 25 สตางค์ต่อหน่วย
"เบื้องต้นเราได้กำหนดโมเดลการพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชน ไว้ 7 แบบ เพื่อที่จะใช้กำหนดตามความเหมาะสมของพื้นที่ โดยเชื้อเพลิงที่แตกต่างกันก็ให้โมเดลที่ต่างกันด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เพื่อเป็นแม่งานในการดำเนินงาน ซึ่งภายใน 1 เดือนนับจากนี้จะเห็นรูปแบบและแผนดำเนินการ โดยเบื้องต้นจะดึงโรงไฟฟ้าเก่าที่มีการสร้างแล้วแต่ยังไม่ได้ขายไฟเข้ามาเป็นโรงไฟฟ้าชุมชนระยะเร่งด่วนก่อน จำนวน 10-20 แห่ง โดยพิจารณาจากสายส่งที่มีความพร้อม" นายสนธิรัตน์กล่าว
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนาย กิติกร โล่ห์สุนทร ประธานคณะกรรมาธิการฯ เข้าพบนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เพื่อรับทราบนโยบายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ว่าทางคณะกรรมาธิการฯ ไม่เห็นด้วยกับการนำน้ำมันปาล์ม ดิบ (ซีพีโอ) ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง แต่หากจะช่วยแก้ปัญหาผลผลิตปาล์มดิบล้นตลาดที่ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ อยากเสนอให้ กฟผ.รับซื้อเป็นล็อตๆ ครั้งละไม่มาก แต่รับซื้อระยะยาว
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอให้ทบทวนแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (พีดีพี 2018) โดยปรับเพิ่มสัดส่วนการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น เนื่องจากคณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าปัจจุบันมีการกำหนดสัด ส่วนการส่งเสริมใช้ในประเทศน้อยและการผลักดันมีความล่า ช้าเกินไป.
No comments:
Post a Comment