source : https://www.ryt9.com/s/nnd/3051083
ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562 00:00:41 น.
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท. โดย สถาบันวิทยสิริเมธี ร่วมกับกระทรวงพลังงาน กำลังศึกษาระบบ กักเก็บพลังงาน คาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรม เป้าหมายในอนาคตตามนโยบายรัฐ โดยเฉพาะรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากเห็นถึงโอกาสในการเป็นผู้นำพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานที่ยังมีแนวโน้มความต้องการสูงขึ้นในระยะข้างหน้า แต่ปัจจุบันยังไม่มีผู้ผลิตพัฒนามากนัก
ทั้งนี้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เวลาศึกษาอย่างน้อย 3-5 ปี จึงจะเห็นทิศทางที่ชัดเจน ว่าภาครัฐจะส่งเสริมอย่างไร เทคโนโลยีกับต้นทุนรถยนต์เป็นอย่างไร สมรรถนะ ความปลอดภัย สะดวกสบาย ประสิทธิภาพแบตเตอรี่เป็นอย่างไร และการชาร์จใช้ได้นาน แค่ไหน
"หากจะมีการนำเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า 100% ก็ไม่ต่างอะไรกับการนำเข้าน้ำมัน เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาให้ครบถ้วนรอบด้าน รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมผู้ใช้ สภาพการจราจร ปริมาณไฟฟ้า ซึ่งเชื่อว่าภาครัฐมีแผนอยู่แล้ว แต่จะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่และอย่างไรจึงจะเหมาะสม และให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ"นายชาญศิลป์กล่าว
ส่วน แนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เวลาพัฒนาอาจเห็นการขยายตัวในอีก 15-20 ปีข้างหน้า เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันไม่ได้อยู่ในระดับสูง เศรษฐกิจโลกไม่ได้เติบโตรวดเร็ว และจากการศึกษารูปแบบอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศพบว่าจะพัฒนาไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดที่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าก่อนจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่เต็มรูปแบบ ดังนั้นปตท.ก็ยังคงให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) เป็นหลัก ควบคู่กับติดตั้งระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติมบางปั๊มในพื้นที่นำร่องเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ทั้งนี้ ปตท.ยังร่วมกับ WM Motors ผู้ผลิตรถไฟฟ้ายี่ห้อ Weltmeister ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพของประเทศจีน ศึกษาวิจัยและออกแบบระบบเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้านำร่องใช้ในองค์กรก่อน เป็นการต่อยอดธุรกิจด้านแบตเตอรี่และผลิตภัณฑ์พลาสติกของกลุ่ม ปตท. เป็นต้นแบบทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางด้านพลังงานในอนาคต
No comments:
Post a Comment